วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2552

บอกเล่าเก้าสิบสถานที่ท่องเที่ยวปีใหม่กันหน่อยคร้าบ2

บอกเล่าเก้าสิบสถานที่ท่องเที่ยวปีใหม่กันหน่อยคร้าบ2




สวัสดีครับพี่น้องชาวMBE#8ทุกท่าน
หลังจากคราวที่แล้วที่ผมวางแผนไปเที่ยวปีใหม่ที่บ้านเพื่อน(ไอ้เอก)ที่อำเภอวังน้ำเขียว แต่สุดท้ายก็ยังไปไม่ถึงซักทีเนื่องจากแวะ Count dawn ที่งานคาวบอย บริเวณเขาแคน ปากช่องก่อน 1 คืน พอรุ่งเช้าพี่ชายเพื่อมาชวนไปใส่บาตรอาหารแห้ง ผมจึงมีโอกาสได้ไปทำบุญอีกครั้งหลังจากทำบาปมาทั้งคืน 55+ บริเวณที่เราไปใส่บาตรนั้น เป็นบริเวณพื้นที่ของไนท์บาร์ซ่าปากช่องครับ ก็ไม่ไกลจากบ้านมันเช่นกัน เค้าปิดถนนบริเวณนั้นแล้วให้คนรอใส่บาตรแบ่งออกเป็นสองแถว พระสงฆ์ที่เดินบิณฑบาตรก็จะเดินไปแล้ววนกลับเป็นรูปตัว U ทำให้วันนี้ผมรู้สึกว่าเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ของผมที่ดีมากๆ อิ่มบุญแต่เช้าเลยเรา พอกลับมาบ้านเอาอีกแล้วครับ ตั้งวงกันอีกแล้วกินเหล้าเช้าก่อนเลยครับ (ไรวะเนี่ย เพิ่งทำบุญมาแท้ๆ)จากเหล้าเช้า ต่อด้วยข้าวเช้า ตามด้วยเหล้าเที่ยง.. บ่าย ได้รู้จักเพื่อนใหม่อีกสองคน คือพี่หลอด(ออฟเดอะรั่ว คือเมาแล้วรั่วมากๆ)กับ เชน อื้ออึง(มือกีตาร์แห่งบันไดม้า)แต่ไม่มีเพลงใดที่เชนเล่นจบ ทุกเพลงมันร้องแต่ อื้ออึง อื้ออึง (อะไรของมันวะเนี๊ยๆ)
ประมาณซักบ่ายสองผมกับเพื่อนจึงได้ฤกษ์เดินทางไปบ้านไอ้เอกที่วังน้ำเขียวซักกะที 55+ โดยเราเอารถยนต์เพื่อนไป ระหว่างทางเบลอมากๆครับ รถวิ่งผ่านแปลงเกษตรปลอดสารพิษไปไกลแค่ไหนไม่รู้เรื่องเลย ผ่านสวนกล้วยไม้ตอนไหนก็ยังไม่รู้เรื่องอีก แต่รู้สองอย่างว่า หนึ่งนับรถโดยสารที่วิ่งมาตั้งแต่เราออกเดินทางได้3คันซึ่งถ้าเรานั่งรถโดยสารไปคงยังไม่ถึงไหนเป็นแน่แท้ อย่างที่สองคือตูหลงทางแล้ววววเฟ่ยยย คราวซวยมาเยือนอีกรอบครับพี่น้อง คลื่นโทรศัพท์ก็ไม่มี ส่วนมือถือเพื่อนคลื่นเต็มแต่ดันโทรออกไม่ได้ ไรของมันวะเนี๊ยยยจะถึงมั้ยวะไอ้วังน้ำเขียวเนี่ย 55+ ขับตรงไปเรื่อยๆดันเจอทางแยก เอาล่ะสิครับ จะเลี้ยวหรือจะตรงไปดี เอาวะเป็นไงเป็นกันทางข้างหน้าเราไม่คุ้นเพราะมันลาดยาง งั้นเลี้ยวซ้ายไปเลยเพื่อน อ่าวเฮ้ย!คลองส่งน้ำมาไงวะเนี่ย งงเต็ก!?? แต่โชคชะตามักเข้าข้างคนหน้าตาดี (อิอิ)สายตาอันแหลมคมของผมดันมองไปเห็นผู้ชายคนนึงกำลังเดินออกจากบ้านพอดี ในมือถือพี่แกขวดเบียร์ซะแน่นเลยสงสัยกำลังจะไปรับประทานเบียร์กับเพื่อนแน่ๆ ตกใจอีกครั้งไม่อยากเชื่อครับพี่น้อง อ้าวเฮ้ยนี่มัน ไอ้โอนี่หว่า(เพื่อนรุ่นพี่ที่เกษตรสีคิ้ว) แล้วนั่นใครวะพ่อมันแน่เลยท่าทางหนวดเยอะๆเข้าไปทักทายมันพร้อมยกมือสวัสดีพ่อมัน แต่พอพ่อมันเดินมาใกล้ๆ อ่าวไอ้นี่มันไอ้สิทธิ์นี่หว่า(เพื่อนรุ่นเดียวกันที่เกษตรสีคิ้ว)ถึงว่าหน้าตาคุ้นๆ ไอ้เราก็นึกว่าพ่อเพื่อน แม่งเป็นเพื่อนตูซะงั้น ที่สำคัญเพิ่งรู้ว่ามันสองคนเป็นพี่น้องกัน แถมไอ้สิทธิ์มันเป็นหนึ่งในคนขับรถประจำทางที่ผมนับได้นั่นเอง มันบอกว่าบ้านมันวิ่งรถ อีกอย่างที่เพิ่งรู้คือ นี่ตูมีเพื่อนเยอะขนาดนี้เลยเหรอฟ่ะ 55+(คนของสังคมจริงๆ)ที่จริงแถวนี้ผมเคยมาแต่ลืมไปจากสมองซะสนิทเลยครับถ้าไม่เจอมันสองคน ก็คงจำไม่ได้แน่ๆ มาตอกย้ำคนมีเพื่อนเยอะกันอีกครั้งเนื่องจากบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านไอ้โอและไอ้สิทธิ์นั่นก็คือบ้านไอ้ออย ซึ่งมันก็คือเพื่อนเราอีกเช่นกัน เออเอากับมันสิ สรุปในที่สุดก็ได้รู้ว่าถ้าเราตัดสินใจขับรถตรงไปไม่เลี้ยวซ้ายซะตั้งแต่แรกก็ถึงบ้านเพื่อน(ไอ้เอก)ตั้งนานแล้วครับพี่น้อง งมเข็มซะจนเจอเลย 55+
ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงบ้านไอ้เอกซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของผม ดีใจมาก ดีใจสุดๆ เจอหน้ามันเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นเป็นปีๆ ฮะๆ แวะทักทายพี่สาวมัน เนื่องจากพ่อแม่มันไม่อยู่จึงได้แค่ฝากของฝากไว้เท่านั้น
หลังจากพูคุยทักทายกันได้ไม่นาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ถูกต้องนะคร้าาบ! วงเหล้านั่นเอง 55 หลังจากตั้งวงได้ไม่นานเนื่องจากใกล้จะค่ำแล้ว ผมและเพื่อนจึงจัดเตรียมที่นอนซึ่งคืนนี้เราจะกางเตนท์นอนกันท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น และแสงดาว ฮ่าๆๆ อะไรจะโรแมนติกขนาดนี้ฟ่ะ แต่ผมไม่ได้พูดเกินความเป็นจริงเลย ที่นั่นอากาศเย็นมากๆ ลมแรง ท้องฟ้าโปร่ง มองเห็นดาวได้ชัดเจนดีจริงๆ ระหว่างนั่งรับประทานเหล้ากับเพื่อนๆ พวกเราเอาเครื่องเสียงมาเปิด ถึงแม้จะเสียงดังมากแต่ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาด่า เพราะว่าบริเวณบ้านไอ้เอกมันเป็นพื้นที่กว้างติดภูเขา เปิดดังแค่ไหนเสียงก็กระจายออก ไม่เดือดร้อนชาวบ้านครับพี่น้อง ที่สำคัญไอ้เอกมันบอกว่า เต็มที่เลยเพื่อน ดีมั้ยล่ะครับเพื่อนผม พอตกดึกเราก็เข้านอนเก็บแรงไว้ กะว่าจะไปเที่ยวตามแผนที่เพื่อนผมมันวางไว้โดยมีตัวเลือกดังนี้ อุทยานแห่งชาติป่าเขาภูหลวง งานดอกเบญจมาศบาน หรือไม่ก็น้ำตกสะพานหิน
พอตื่นเช้าขึ้นมาสูดอากาศเต็มที่ครับ บรรยากาศบ้านมันสุดยอดเลย ถึงแม้บ้านเพื่อนผมจะเป็นกระท่อม แต่มันก็ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ได้สวยดีของมัน หน้าบ้านมันมองไปข้างหน้ามีภูเขาชื่อว่า "เขาโซ่" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขาใหญ่ แล้วมีถนนลาดยางตัดผ่านตามคำโม้ของมันก่อนที่ผมจะไปจริงๆ แต่อากาศในตอนเช้าเย็นมากๆ ลมพัดตลอดเวลา ผมตัดสินใจไปอาบน้ำก่อนไปกินข้าว(หลังจากไม่ได้อาบมาตลอดสองวันเต็มๆอิอิ)ต้องขอบคุณพี่แตและน้องนุช(พี่สาวไอ้เอกและแฟนไอ้ต้น)ที่คอยทำกับข้าว+กับแกล้มให้ตลอดเวลา ซึ่งอร่อยมากกกกจริงๆสำรับไข่เจียวและผัดกระเพาถึงแม้นำมันจะเยิ้มไปนิด(สงสัยเพราะราคาน้ำมันลงมั้ง)เครื่องเสียงทำงานอีกครั้งหลังได้เวลาเข้างานของกลุ่มศิลปินจากค่ายต่างๆที่มาตั้งวงกันอีกครั้ง ทำไปทำส ถานที่ท่องเที่ยวที่วางไว้เลยไม่ได้ไปมันเลยซักที่ 55+ หลังจากที่พวกเราเบื่อฟังเครื่องเสียงกันแล้วเนื่องจากคิดว่าร้องเองน่าจะเพราะกว่า อิอิ เลยตัดสินใจเอากีตาร์โปร่งไฟฟ้า(ของผมเองคร้าบ)มาเสียบสายแจ๊คเข้ากับเครื่องเสียงเล่นมันบนเขาซะเลย นั่งเล่นกีตาร์ท่ามกลางบรรยากาศบนเขาเหมือนเล่นคอนเสิร์ตยังไงยังงั้นครับ แต่คนฟังกับคนร้องนี่สิ...คิดเอาเอง 55+
ตอนแรกว่าจะกลับ4โมงเย็นของวันที่ 2 ม.ค.52 นี้แต่ทำไปทำมาเป็น 4 โมงเช้าของวันที่ 3 ม.ค.52 ซะงั้น หลังจากบอกลาไอ้เอกและพี่สาวมัน ผม ไอ้ต้น น้องนุช ก็ขับรถลงมาจากวัง(น้ำเขียว)เพื่อกลับบ้านซึ่งพอถึงบ้านไอ้ต้น น้องหนุ่ม(น้องชายไอ้ต้น)ก็ขับรถมอ'ไซด์พ่วงซึ่งไม่มีเบาะสำหรับคนนั่งพ่วงมีแต่โครงเหล็กล้วนๆครับพี่น้อง พอไปส่งผมที่ท่ารถปากช่องเสร็จ(ไม่ใช่บขส.ปากช่องนะครับ)ในใจอยากบอกมันว่าขอบใจมากน้องแต่ตูเจ็บตูดจิ๊บเป๋ง แฟนไอ้หนุ่มมันขายข้าวแกงที่ท่ารถพอดีไปถึงไอ้หนุ่มมันไม่พูดพล่ามทำเพลง ตักข้าวใส่จานราดแกงพร้อมส่งให้ผมเฉยเลย งงครับพี่น้อง สงสัยมันนึกว่าเราหิวจัดมั้ง แต่เออกินก็กินขอบใจมากๆ ของฟรีนี่หว่า 55+ แฟนไอ้หนุ่มนิสัยดีมากแถมซี้กับพี่คนขายตั๋วอีกช่วยส่งสัญญาณบอกว่ารถคันไหนควรขึ้นคันไหนไม่ควรขึ้น ซึ่งผมก็ได้นั่งรถคันที่คนว่าง เบาะนั่งนุ่มสบายอย่างที่ต้องการ(ต่างจากตอนมาราวฟ้ากับเหว) ต้องขอบคุณน้องหนุ่มและน้องนุชผู้น่ารักมากๆๆนะครับ สรุปงบประมาณที่ใช้ในการเดินทางไปเที่ยวครั้งนี้ของผมกันหน่อยดีมั้ยครับ ก่อนไปผมกดเงินไป 1,000 บาทครับ ขากลับมา เหลือเงินอยู่ 10 บาทพอดิบพอดี 55+ เป็นไงครับ เงินพันนึงทุกท่านคิดว่าคุ้มค่ามั้ยครับกับการเดินทางครั้งนี้ของผม ส่วนผมบอกได้เลยว่าคุ้มเกินคุ้มครับ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขสดชื่นตลอดไป ขอให้ สุขขี สุขขัง สุขคารัง สุขคารู เทิ้ด...สาธุ 555 แล้วเจอกันครับ

1 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น