วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2552

รวมไฟล์ที่ใช้เรียนวิชา Macroeconomics

รวมไฟล์ที่ใช้เรียนวิชา Macroeconomics

สวัสดีครับพี่น้องชาว MBE#8ทุกท่าน
คราวนี้ผมรวบรวมเอาไฟล์ที่เราใช้เรียนกันในวิชา Macroeconomics ถึงปัจจุบัน มารวมไว้ที่นี่ เพื่อความสะดวกในการนำไปใช้สำหรับพี่น้องทุกท่านนะครับ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ักับทุกคนนะครับ แต่ยังไงก็อย่าลืมเข้าไปในระบบ E-Learning ของมหา'ลัย ด้วยนะครับ เพราะไฟล์อื่นๆที่เกี่ยวข้องผมไม่ได้นำมารวมไว้ในที่นี้ เนื่องจากพวกเราไม่ได้ใช้เรียน แต่ผมคิดว่ามันก็สำคัญไม่แพ้กันเลยคับ




ไฟล์ที่ใช้เรียนวิชา Macroeconomics ถึงปัจจุบัน
0. Course Syllabus
1. Introduction
1.1 Ch 1: The Science of Macroeconomics

2. Ch 2: The Data of Macroeconomics

3. Ch 3: National Income

4. Ch 4: Money and Inflation
PPT พรีเซนเตชั่น

5. Ch 5: The Open Economy
PPT พรีเซนเตชั่น

6. Ch 6: Unemployment

7. Ch 7: Economic Growth I

8. Ch 8: Economic Growth II

9. Ch 9: Introduction to Economic Fluctuations

10. Ch 10: Aggregate Demand I: AD-AS Model

11. Ch 11: Aggregate Demand II: IS-LM Model

12. Ch 12: Aggregate Demand in the Open Economy

13. Ch 13: Aggregate Supply

14. Ch 14: Stabilization Policy

15. Ch 15: Government Debt
ที่มา : ระบบ E-Learning ดร.สุรชัย จันทร์จรัส

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552

รับสมัครด่วนนนน!! นักกายภาพบำบัด

รับสมัครด่วนนนน!! นักกายภาพบำบัด

ด่วนนนนที่สุด!! โรงพยาบาลสมเด็จ อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์
ต้องการรับสมัครด่วน ลูกจ้างชั่วคราว ตำแหน่งนักกายภาพบำบัด




อัตราเงินเดือน 10,030 บาท

เงินค่าวิชาชีพ 1,000 ต่อเดือน มีสวัสดิการให้

เบอร์ติดต่อ 043-861-140 ต่อ 312 ต่อแผนก กายภาพบำบัด

ด่วนนนน!!!! ที่สุดคร้าาาาบบบ

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2552

สิบอันดับเวปไซต์ยอดนิยมของไทย

สิบอันดับเวปไซต์ยอดนิยมของไทย




เชื่อว่าในยุคนี้แทบไม่้มีใครไม่รู้จักอินเตอร์เน็ต เนื่องจากว่า เป็นแหลางความรู้ ความบันเทิง และการเชื่อมโยงการติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้ทั่วทุกมุมโลกได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส แทบจะเรียกได้ว่าอะไรที่เราไม่รู้ พอเข้าไปในโลกอินเตอร์เน็ตมีครบหมด รู้ทันที งั้นคราวนี้เรามาดูกันนะครับว่า ผลการจัดอันดับสิบอันดับเวปไซต์ยอดนิยมของไทยโดยThailand Web Statistic ที่มีผู้นิยมเข้าไปชมมากที่สุด มีเวปไหนกันบ้าง


TOP 10 WEBSITES


Website IP/day
1. www.sanook.com 548,692
2. www.kapook.com 366,178
3. www.mthai.com 279,389
4. www.dek-d.com 235,907
5. www.exteen.com 212,779
6. www.manager.co.th 194,137
7. www.bloggang.com 189,410
8. teenee.com 186,460
9. www.gg.in.th 135,870
10. www.playpark.com 133,998

ที่มา : truehits.net

ทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล"โอบามาร์ค"กันหน่อย

ทบทวนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล"โอบามาร์ค"กันหน่อย
ช่วงนี้หลายท่านคงจะติดตามข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศราฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่มี "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวที่กำลังเป็นที่วิจารย์กันมากที่สุดคงหนีไม่พ้น มาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพให้แก่ผู้ประกันตน และข้าราชการที่มีรายได้ประจำต่ำกว่า 14,999 บาทต่อเดือน ได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 2,000 บาทครั้งเดียว ว่าจะสามารถช่่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้มากน้อยแค่ไหน
ถ้าเป็นไปตามสมการในทางเศรษฐศาสตร์แล้วที่บอกว่า GDPหรือY = C+I+G (สมมุติว่าเป็นระบบเศรษฐกิจแบบปิดเพราะว่าเราจะดูผลระยะสั้นจากมาตรการดังกล่าว)ก็ต้องบอกว่าน่าจะช่วยได้เนื่องจากเป็นการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ(ตัว G) เพื่อหวังผลต่อเนื่องไปยังการใช้จ่ายของภาคประชาชน(ตัว C) และเมื่อมีการใช้จ่ายของประชาชนมากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ก็ย่อมต้องเป็นการเพิ่มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(GDP/Y)ได้ เนื่องจากซึ่งเป็นไปตามกฎของ "Golden Rule" แต่ในความเป็นจริงอาจไม่เป็นเช่นนั้นเนื่องจากต้องดูความสามารถในกาใช้จ่ายทั้งของรับาลเองและของประชาชนด้วย

จากแผนบริหารราชการแผ่นดินระยะเวลา 3 ปี (ปี"52-"54) ที่ครม.เห็นชอบแล้ว ประมาณความต้องการใช้เงินตามนโยบายของรัฐบาลรวม 3 ปี มีวงเงินทั้งสิ้น 7.44 ล้านล้านบาท แต่มีรายได้รัฐบาล 3 ปีเพียง 5.24 ล้านล้านบาท

ทำให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณรวม 3 ปีเป็นเงิน 2.2 ล้านล้านบาท เท่ากับว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า รัฐบาลต้องกู้เงินเพื่อนำมากระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 2.2 ล้านล้านบาท ทีนี้เราลองมาทบทวนโครงการต่างๆของรัฐบาลกันอีกครั้งนะครับว่ามีอะไรบ้าง




มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 18 โครงการ สำหรับงบประมาณกลางปี 1.15 แสนล้านบาท ซึ่งจะนำเข้ารัฐสภาวันที่ 28 ม.ค. มีดังนี้

1.โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพ โดยจัดสรรเงินให้ผู้ประกันตน และข้าราชการที่มีรายได้ประจำต่ำกว่า 14,999 บาทต่อเดือน ได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 2,000 บาทครั้งเดียว โอนเงินเข้าบัญชีให้ประมาณเดือนเม.ย.

2.โครงการช่วยเหลือคนตกงาน จัดอบรมผู้ว่างงานเพื่อเพิ่มศักยภาพ 6 เดือน ขณะอบรมได้เงินช่วยเหลือยังชีพเดือนละ 5,000 บาท วงเงิน 6,900 ล้านบาท ครอบคลุมผู้ว่างงาน 240,000 คน ก่อนขยายเพิ่มในงบประมาณปี"53 ให้ครบ 500,000 คน

3.โครงการเรียนฟรีจริง 15 ปี ตั้งแต่อนุบาลถึงม.6 ฟรีค่าเทอม เสื้อผ้า ตำราเรียน และอุปกรณ์การศึกษา งบประมาณ 19,000 ล้านบาท

4.โครงการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน สานต่อกองทุนเอสเอ็มแอล เพื่อสร้างงานและวางรากฐานในชนบท

5.โครงการต่ออายุ 5 มาตรการ 6 เดือน ทั้งน้ำ-ไฟ-รถเมล์-รถไฟ อีก 6 เดือน แต่ปรับลดการใช้นำประปาฟรี เหลือเดือนละ 30 ลบ.ม. และใช้ไฟฟ้าฟรีไม่เกินเดือนละ 90 หน่วย งบประมาณ 11,409.2 ล้านบาท

6.โครงการช่วยเหลือเงินยังชีพคนชรา อายุเกิน 60 ปี ที่ไม่อยู่ในระบบสวัสดิการ คนละ 500 บาทต่อเดือน จำนวน 3 ล้านคน รวมเป็นทั้งระบบช่วยเหลือ 5 ล้านคน งบประมาณ 9,000 ล้านบาท

7.โครงการช่วยเหลือค่าครองชีพอาสาสมัคร สาธารณสุขประจำหมู่บ้าน คนละ 600 บาทต่อเดือน ครอบคลุม 834,075 คน งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

8.โครงการจัดทำและพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเกษตรกร สร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 2,000 ล้านบาท

9.โครงการถนนปลอดฝุ่น ลาดยางทางในชนบท ระยะทาง 490 กิโลเมตร 1,500 ล้านบาท

10.โครงการจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับประชาชนรายได้น้อย งบประมาณ 1,000 ล้านบาท

11.โครงการปรับปรุงสถานีอนามัยในชนบท งบประมาณ 1,095.8 ล้านบาท

12.โครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้กับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน 532 แห่ง แห่งละ 3.4 ล้านบาท วงเงิน 1,808.8 ล้านบาท

13.โครงการลดผลกระทบธุรกิจท่องเที่ยว โดยจัดกิจกรรมท่องเที่ยวในประเทศ สนับสนุนส่งเสริมให้ส่วนราชการจัดสัมมนาต่างจังหวัด ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท

14.โครงการสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหาร และธุรกิจขนาดกลางและขยาดย่อม (เอสเอ็มอี) 500 ล้านบาท

15.โครงการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ เพื่อให้ความมั่นใจกับนักลงทุน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 325 ล้านบาท

16.โครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ขุดลอกคูคลอง 760 ล้านบาท

17.เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น 2,391.3 ล้านบาท

18.รายจ่ายเพื่อชดเชยเงินคงคลัง 19,139.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ที่เมื่อจ่ายเงินคงคลังไปก่อนจะต้องตั้งงบชดเชยคืน

ข้อมูลบางส่วนโดย หนังสือพิมพ์ข่าวสดออนไลน์

สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2551/2008

สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2551/2008




มาแล้วคร้าาบ!!! กับผลการจัดอันดับสายการบินที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมที่สุดในโลก และสายการบินที่ดีที่สุดแยกตามภูมิภาคต่างๆของโลก ในปี พ.ศ.2551(Best Regional Airline for 2008) จากผลสำรวจผู้โดยสารทั่วโลกโดยสกายแทร็คส์ มาดูกันนะครับว่าแต่ละประเภทมีสายการบินใดผลการดำเนินงานดีที่สุดในโลก และแต่ละภูมิภาคของโลก สายการบินใดเจ๋งที่สุด

BEST AIRLINE 2008 WINNER
Best Airline : Asia : Singapore Airlines
Best Airline : Australasia : Qantas
Best Airline : Africa : South African Airways
Best Airline : Europe : Lufthansa
Best Airline : Middle East : Qatar Airways
Best Airline : North America : Continental Airlines
Best Airline : South America : LAN
Best Airline : Central America : Copa Airlines
Best Airline : Pacific region : Air Tahiti Nui
Best Airline : China : Hainan Airlines
Best Airline : Central Europe : CSA Czech Airlines
Best Airline : South East Asia : Singapore Airlines
Best Airline : Northern Asia : Asiana Airlines
Best Airline : India/Cent Asia: Kingfisher Airlines
Best Airline : Transatlantic : British Airways
Best Airline : Transpacific : Air New Zealand

Result publication is allowed with prior consent of Skytrax

BEST BY CABIN TYPE 2008 WINNER
Best First Class : Cathay Pacific
Best Business Class : Singapore Airlines
Best Premium Economy Class : EVA Air
Best Economy Class : Asiana Airlines

Result publication is allowed with prior consent of Skytrax

LOW-COST AIRLINES 2008 WINNER

Best low-cost airline : Worldwide : easyJet
Best low-cost airline : Asia : Jetstar Asia
Best low-cost airline : Africa : Mango
Best low-cost airline : Australia / Pacific : Virgin Blue
Best low-cost airline : Europe : easyJet
Best low-cost airline : Middle East : Air Arabia
Best low-cost airline : North America : Southwest Airlines
Best low-cost airline : Central America : Volaris
Best low-cost airline : South America : Gol
Best low-cost airline : India / Central Asia : Spicejet
Best low-cost airline : S E Asia : Jetstar Asia
Best low-cost airline : N Asia : Skynet Asia Airways
Best low-cost airline : China : Spring Airlines

Result publication is allowed with prior consent of Skytrax

REGIONAL AWARDS 2008 WINNER

Refers to domestic / international flights within the specific regions
Best Regional airline : Africa South : African Airways
Best Regional airline : Asia : Bangkok Airways
Best Regional airline : Australasia : Qantas
Best Regional airline : Europe : VLM
Best Regional airline : Middle East : Emirates
Best Regional airline : North America : Alaska Airlines
Best Regional airline : South America : LAN
Best Regional airline : Central America : TACA
Best Regional airline : Northern Asia : Asiana Airlines
Best Regional airline : India/C Asia : Jet Airways
Best Regional Airline : S E Asia : Dragonair

Result publication is allowed with prior consent of Skytrax

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2552

มองเศรษฐกิจปี 52 จากสายตาธุรกิจไทย

มองเศรษฐกิจปี 52 จากสายตาธุรกิจไทย

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเศรษฐกิจโลกในขณะนี้เกิดภาวะถดถอยอย่างหนัก สาเหตุหลักเนื่องมาจากวิกฤติทางการเงินของกลุ่มประเทศยักษ์ใหญ่ในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ที่ผ่านมามีผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ นักวิชาการ รวมถึงบริษัทวิจัยชื่อดัง จากหลายค่ายทั่วโลก ได้ทำการสำรวจผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะวิกฤติของเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น และเป็นอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งสำรวจความคิดเห็นจากธุรกิจของแต่ละประเทศทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย เรามาลองดูกันนะครับว่า ธุรกิจต่างๆในประเทศไทยเค้ามองภาวะเศรษฐกิจโลกกันอย่างไร และคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 52 นี้ อย่างไรกันบ้างครับ ?




แกรนท์ ธอร์นตัน อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำของโลกจากสหรัฐ ได้เผยแพร่ผลการสำรวจทัศนคติเชิงบวกของบริษัทธุรกิจทั่วโลก 7,000 แห่ง จาก 36 ประเทศทั่วโลก และเป็นดัชนีชี้วัดทัศนคติที่มีต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั้งเชิงบวกและลบ ปรากฏว่านักธุรกิจทั่วโลกมีทัศนคติเชิงลบในต้นปี 2552 เฉลี่ยติดลบ 16% เทียบกับบวก 40% จากการสำรวจจนถึงต้นปี 2551

ทั้งนี้ดัชนีชี้วัดของแกรนท์ ธอร์นตันซึ่งให้ผลเฉลี่ยลบ 16% ถือเป็นผลครั้งแรกที่พบว่าทัศนคติเชิงลบของธุรกิจต่างๆ มีน้ำหนักมากกว่าทัศนคติเชิงบวกที่ธุรกิจมีต่อภาพรวมเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามรายงานผลสำรวจความเห็นของบริษัทธุรกิจทั่วโลก ส่วนใหญ่เห็นสอดคล้องกันว่าอุปสงค์ของผู้บริโภคที่ลดลง เป็นอุปสรรคสำคัญสุดในการทำธุรกิจ

ในรายละเอียดของผลสำรวจ บ่งชี้ว่าบริษัทธุรกิจในสหรัฐและจีน ซึ่งมีจีดีพีรวมกันกว่า 32% ของจีดีพีโลก ให้ทัศนคติเชิงบวกลดลงเป็นติดลบ 34% และเป็นบวก 30% ตามลำดับ ส่วนญี่ปุ่นกับอินเดียที่มีจีดีพีรวมกันกว่า 11% ของจีดีพีโลก ให้ทัศนคติแตกต่างกันมาก คือติดลบ 85% และบวก 83% ตามลำดับ

ทั้งนี้นายปีเตอร์ วอล์คเกอร์ กรรมการอาวุโสของแกรนท์ ธอร์นตันในไทย กล่าวว่าผลสำรวจทัศนคติที่แตกต่างกันแบบสุดขั้วข้างต้น บ่งชี้ตลาดโลกยังมีความหวัง หมายความว่าขณะที่ธุรกิจทั้งหมดอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อม สำหรับภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลงเป็นเวลานาน บริษัทธุรกิจในประเทศเศรษฐกิจยังคงเติบโตดีนั้นมีทัศนคติเชิงบวก และมองช่วงเวลานี้ยังเป็นโอกาส

สำหรับประเทศไทยนั้น ในรายงานของแกรนท์ ธอร์นตันระบุว่าผู้ประกอบการยังมีทัศนคติเชิงบวกลดลง จากระดับบวก 30% เมื่อต้นปี 2550 ลดเหลือติดลบ 30% ในต้นปี 2551 และติดลบมากขึ้น 63% ในต้นปี 2552 มีเพียงญี่ปุ่นกับสเปน เป็นสองทัศนคติเชิงบวกลดลงมากกว่าหรืออยู่ระดับต่ำกว่าไทย คือติดลบ 65% และ 85% ตามลำดับ

"ระดับทัศนคติเชิงบวกที่ลดลงอย่างมากนั้นไม่น่าแปลกใจ เมื่อมีทั้งปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลกที่หนักขึ้นเป็นสองเท่า อีกทั้งยังมีปัจจัยเรื่องความไม่มั่นคงทางการเมืองในประเทศ และการสำรวจนี้จัดทำขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ปิดล้อมสนามบิน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศเศรษฐกิจทั่วทั้งประเทศอยู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์" นายวอล์คเกอร์อธิบาย

รายงานระบุด้วยว่า แม้ธุรกิจในหลายประเทศเป็นกลุ่มตัวอย่างจะแสดงทัศนคติเชิงลบ แต่ยังมีบริษัทธุรกิจอีกหลายประเทศให้ทัศนคติเชิงบวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจ เช่น อินเดียให้ทัศนคติบวก 83% บอตสวานาบวก 81% ฟิลิปปินส์บวก 65% และบราซิลบวก 50%

ในทางตรงข้ามประเทศที่มีธุรกิจให้ทัศนคติเชิงลบมากสุดคือ ญี่ปุ่นติดลบ 85% และสเปนติดลบ 65% ส่วนประเทศที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกผันมากที่สุดได้แก่ ธุรกิจในฮ่องกงที่เปลี่ยนแปลงจากบวก 81% เมื่อต้นปี 2551 มาเป็นลบ 49% ในต้นปี 2552 เพราะเป็นศูนย์กลางการเงินที่ประสบวิกฤตมากที่สุดแห่งหนึ่ง และค้าขายกับชาติตะวันตกมากด้วย

การสำรวจยังสอบถามผู้ประกอบธุรกิจถึงปัจจัยที่ก่อความกังวลใจให้มากที่สุด พบว่าธุรกิจใน 33 ประเทศรวมทั้งไทย มองว่าอุปสงค์ผู้บริโภคที่ลดลงน่ากังวลใจมากที่สุด ตามด้วยปัญหาเครดิตการทำธุรกิจ

ความเห็นข้างต้นทำให้นายวอล์คเกอร์ชี้ว่า ผลสำรวจที่ได้จากความเห็นของผู้ประกอบธุรกิจส่วนใหญ่ ควรช่วยให้ผู้นำทางการเมืองไทยและชาติอื่นๆ ตัดสินใจได้ หลังจากไม่แน่ใจเรื่องความจำเป็นต้องกระตุ้นผู้บริโภคใช้จ่าย หรือหันมาเริ่มฟื้นฟูเศรษฐกิจเศรษฐกิจโดยลงทุนในสาธารณูปโภค

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2552

บอกเล่าเก้าสิบสถานที่ท่องเที่ยวปีใหม่กันหน่อยคร้าบ2

บอกเล่าเก้าสิบสถานที่ท่องเที่ยวปีใหม่กันหน่อยคร้าบ2




สวัสดีครับพี่น้องชาวMBE#8ทุกท่าน
หลังจากคราวที่แล้วที่ผมวางแผนไปเที่ยวปีใหม่ที่บ้านเพื่อน(ไอ้เอก)ที่อำเภอวังน้ำเขียว แต่สุดท้ายก็ยังไปไม่ถึงซักทีเนื่องจากแวะ Count dawn ที่งานคาวบอย บริเวณเขาแคน ปากช่องก่อน 1 คืน พอรุ่งเช้าพี่ชายเพื่อมาชวนไปใส่บาตรอาหารแห้ง ผมจึงมีโอกาสได้ไปทำบุญอีกครั้งหลังจากทำบาปมาทั้งคืน 55+ บริเวณที่เราไปใส่บาตรนั้น เป็นบริเวณพื้นที่ของไนท์บาร์ซ่าปากช่องครับ ก็ไม่ไกลจากบ้านมันเช่นกัน เค้าปิดถนนบริเวณนั้นแล้วให้คนรอใส่บาตรแบ่งออกเป็นสองแถว พระสงฆ์ที่เดินบิณฑบาตรก็จะเดินไปแล้ววนกลับเป็นรูปตัว U ทำให้วันนี้ผมรู้สึกว่าเป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ของผมที่ดีมากๆ อิ่มบุญแต่เช้าเลยเรา พอกลับมาบ้านเอาอีกแล้วครับ ตั้งวงกันอีกแล้วกินเหล้าเช้าก่อนเลยครับ (ไรวะเนี่ย เพิ่งทำบุญมาแท้ๆ)จากเหล้าเช้า ต่อด้วยข้าวเช้า ตามด้วยเหล้าเที่ยง.. บ่าย ได้รู้จักเพื่อนใหม่อีกสองคน คือพี่หลอด(ออฟเดอะรั่ว คือเมาแล้วรั่วมากๆ)กับ เชน อื้ออึง(มือกีตาร์แห่งบันไดม้า)แต่ไม่มีเพลงใดที่เชนเล่นจบ ทุกเพลงมันร้องแต่ อื้ออึง อื้ออึง (อะไรของมันวะเนี๊ยๆ)
ประมาณซักบ่ายสองผมกับเพื่อนจึงได้ฤกษ์เดินทางไปบ้านไอ้เอกที่วังน้ำเขียวซักกะที 55+ โดยเราเอารถยนต์เพื่อนไป ระหว่างทางเบลอมากๆครับ รถวิ่งผ่านแปลงเกษตรปลอดสารพิษไปไกลแค่ไหนไม่รู้เรื่องเลย ผ่านสวนกล้วยไม้ตอนไหนก็ยังไม่รู้เรื่องอีก แต่รู้สองอย่างว่า หนึ่งนับรถโดยสารที่วิ่งมาตั้งแต่เราออกเดินทางได้3คันซึ่งถ้าเรานั่งรถโดยสารไปคงยังไม่ถึงไหนเป็นแน่แท้ อย่างที่สองคือตูหลงทางแล้ววววเฟ่ยยย คราวซวยมาเยือนอีกรอบครับพี่น้อง คลื่นโทรศัพท์ก็ไม่มี ส่วนมือถือเพื่อนคลื่นเต็มแต่ดันโทรออกไม่ได้ ไรของมันวะเนี๊ยยยจะถึงมั้ยวะไอ้วังน้ำเขียวเนี่ย 55+ ขับตรงไปเรื่อยๆดันเจอทางแยก เอาล่ะสิครับ จะเลี้ยวหรือจะตรงไปดี เอาวะเป็นไงเป็นกันทางข้างหน้าเราไม่คุ้นเพราะมันลาดยาง งั้นเลี้ยวซ้ายไปเลยเพื่อน อ่าวเฮ้ย!คลองส่งน้ำมาไงวะเนี่ย งงเต็ก!?? แต่โชคชะตามักเข้าข้างคนหน้าตาดี (อิอิ)สายตาอันแหลมคมของผมดันมองไปเห็นผู้ชายคนนึงกำลังเดินออกจากบ้านพอดี ในมือถือพี่แกขวดเบียร์ซะแน่นเลยสงสัยกำลังจะไปรับประทานเบียร์กับเพื่อนแน่ๆ ตกใจอีกครั้งไม่อยากเชื่อครับพี่น้อง อ้าวเฮ้ยนี่มัน ไอ้โอนี่หว่า(เพื่อนรุ่นพี่ที่เกษตรสีคิ้ว) แล้วนั่นใครวะพ่อมันแน่เลยท่าทางหนวดเยอะๆเข้าไปทักทายมันพร้อมยกมือสวัสดีพ่อมัน แต่พอพ่อมันเดินมาใกล้ๆ อ่าวไอ้นี่มันไอ้สิทธิ์นี่หว่า(เพื่อนรุ่นเดียวกันที่เกษตรสีคิ้ว)ถึงว่าหน้าตาคุ้นๆ ไอ้เราก็นึกว่าพ่อเพื่อน แม่งเป็นเพื่อนตูซะงั้น ที่สำคัญเพิ่งรู้ว่ามันสองคนเป็นพี่น้องกัน แถมไอ้สิทธิ์มันเป็นหนึ่งในคนขับรถประจำทางที่ผมนับได้นั่นเอง มันบอกว่าบ้านมันวิ่งรถ อีกอย่างที่เพิ่งรู้คือ นี่ตูมีเพื่อนเยอะขนาดนี้เลยเหรอฟ่ะ 55+(คนของสังคมจริงๆ)ที่จริงแถวนี้ผมเคยมาแต่ลืมไปจากสมองซะสนิทเลยครับถ้าไม่เจอมันสองคน ก็คงจำไม่ได้แน่ๆ มาตอกย้ำคนมีเพื่อนเยอะกันอีกครั้งเนื่องจากบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับบ้านไอ้โอและไอ้สิทธิ์นั่นก็คือบ้านไอ้ออย ซึ่งมันก็คือเพื่อนเราอีกเช่นกัน เออเอากับมันสิ สรุปในที่สุดก็ได้รู้ว่าถ้าเราตัดสินใจขับรถตรงไปไม่เลี้ยวซ้ายซะตั้งแต่แรกก็ถึงบ้านเพื่อน(ไอ้เอก)ตั้งนานแล้วครับพี่น้อง งมเข็มซะจนเจอเลย 55+
ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงบ้านไอ้เอกซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของผม ดีใจมาก ดีใจสุดๆ เจอหน้ามันเหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นเป็นปีๆ ฮะๆ แวะทักทายพี่สาวมัน เนื่องจากพ่อแม่มันไม่อยู่จึงได้แค่ฝากของฝากไว้เท่านั้น
หลังจากพูคุยทักทายกันได้ไม่นาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ถูกต้องนะคร้าาบ! วงเหล้านั่นเอง 55 หลังจากตั้งวงได้ไม่นานเนื่องจากใกล้จะค่ำแล้ว ผมและเพื่อนจึงจัดเตรียมที่นอนซึ่งคืนนี้เราจะกางเตนท์นอนกันท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น และแสงดาว ฮ่าๆๆ อะไรจะโรแมนติกขนาดนี้ฟ่ะ แต่ผมไม่ได้พูดเกินความเป็นจริงเลย ที่นั่นอากาศเย็นมากๆ ลมแรง ท้องฟ้าโปร่ง มองเห็นดาวได้ชัดเจนดีจริงๆ ระหว่างนั่งรับประทานเหล้ากับเพื่อนๆ พวกเราเอาเครื่องเสียงมาเปิด ถึงแม้จะเสียงดังมากแต่ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาด่า เพราะว่าบริเวณบ้านไอ้เอกมันเป็นพื้นที่กว้างติดภูเขา เปิดดังแค่ไหนเสียงก็กระจายออก ไม่เดือดร้อนชาวบ้านครับพี่น้อง ที่สำคัญไอ้เอกมันบอกว่า เต็มที่เลยเพื่อน ดีมั้ยล่ะครับเพื่อนผม พอตกดึกเราก็เข้านอนเก็บแรงไว้ กะว่าจะไปเที่ยวตามแผนที่เพื่อนผมมันวางไว้โดยมีตัวเลือกดังนี้ อุทยานแห่งชาติป่าเขาภูหลวง งานดอกเบญจมาศบาน หรือไม่ก็น้ำตกสะพานหิน
พอตื่นเช้าขึ้นมาสูดอากาศเต็มที่ครับ บรรยากาศบ้านมันสุดยอดเลย ถึงแม้บ้านเพื่อนผมจะเป็นกระท่อม แต่มันก็ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ได้สวยดีของมัน หน้าบ้านมันมองไปข้างหน้ามีภูเขาชื่อว่า "เขาโซ่" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเขาใหญ่ แล้วมีถนนลาดยางตัดผ่านตามคำโม้ของมันก่อนที่ผมจะไปจริงๆ แต่อากาศในตอนเช้าเย็นมากๆ ลมพัดตลอดเวลา ผมตัดสินใจไปอาบน้ำก่อนไปกินข้าว(หลังจากไม่ได้อาบมาตลอดสองวันเต็มๆอิอิ)ต้องขอบคุณพี่แตและน้องนุช(พี่สาวไอ้เอกและแฟนไอ้ต้น)ที่คอยทำกับข้าว+กับแกล้มให้ตลอดเวลา ซึ่งอร่อยมากกกกจริงๆสำรับไข่เจียวและผัดกระเพาถึงแม้นำมันจะเยิ้มไปนิด(สงสัยเพราะราคาน้ำมันลงมั้ง)เครื่องเสียงทำงานอีกครั้งหลังได้เวลาเข้างานของกลุ่มศิลปินจากค่ายต่างๆที่มาตั้งวงกันอีกครั้ง ทำไปทำส ถานที่ท่องเที่ยวที่วางไว้เลยไม่ได้ไปมันเลยซักที่ 55+ หลังจากที่พวกเราเบื่อฟังเครื่องเสียงกันแล้วเนื่องจากคิดว่าร้องเองน่าจะเพราะกว่า อิอิ เลยตัดสินใจเอากีตาร์โปร่งไฟฟ้า(ของผมเองคร้าบ)มาเสียบสายแจ๊คเข้ากับเครื่องเสียงเล่นมันบนเขาซะเลย นั่งเล่นกีตาร์ท่ามกลางบรรยากาศบนเขาเหมือนเล่นคอนเสิร์ตยังไงยังงั้นครับ แต่คนฟังกับคนร้องนี่สิ...คิดเอาเอง 55+
ตอนแรกว่าจะกลับ4โมงเย็นของวันที่ 2 ม.ค.52 นี้แต่ทำไปทำมาเป็น 4 โมงเช้าของวันที่ 3 ม.ค.52 ซะงั้น หลังจากบอกลาไอ้เอกและพี่สาวมัน ผม ไอ้ต้น น้องนุช ก็ขับรถลงมาจากวัง(น้ำเขียว)เพื่อกลับบ้านซึ่งพอถึงบ้านไอ้ต้น น้องหนุ่ม(น้องชายไอ้ต้น)ก็ขับรถมอ'ไซด์พ่วงซึ่งไม่มีเบาะสำหรับคนนั่งพ่วงมีแต่โครงเหล็กล้วนๆครับพี่น้อง พอไปส่งผมที่ท่ารถปากช่องเสร็จ(ไม่ใช่บขส.ปากช่องนะครับ)ในใจอยากบอกมันว่าขอบใจมากน้องแต่ตูเจ็บตูดจิ๊บเป๋ง แฟนไอ้หนุ่มมันขายข้าวแกงที่ท่ารถพอดีไปถึงไอ้หนุ่มมันไม่พูดพล่ามทำเพลง ตักข้าวใส่จานราดแกงพร้อมส่งให้ผมเฉยเลย งงครับพี่น้อง สงสัยมันนึกว่าเราหิวจัดมั้ง แต่เออกินก็กินขอบใจมากๆ ของฟรีนี่หว่า 55+ แฟนไอ้หนุ่มนิสัยดีมากแถมซี้กับพี่คนขายตั๋วอีกช่วยส่งสัญญาณบอกว่ารถคันไหนควรขึ้นคันไหนไม่ควรขึ้น ซึ่งผมก็ได้นั่งรถคันที่คนว่าง เบาะนั่งนุ่มสบายอย่างที่ต้องการ(ต่างจากตอนมาราวฟ้ากับเหว) ต้องขอบคุณน้องหนุ่มและน้องนุชผู้น่ารักมากๆๆนะครับ สรุปงบประมาณที่ใช้ในการเดินทางไปเที่ยวครั้งนี้ของผมกันหน่อยดีมั้ยครับ ก่อนไปผมกดเงินไป 1,000 บาทครับ ขากลับมา เหลือเงินอยู่ 10 บาทพอดิบพอดี 55+ เป็นไงครับ เงินพันนึงทุกท่านคิดว่าคุ้มค่ามั้ยครับกับการเดินทางครั้งนี้ของผม ส่วนผมบอกได้เลยว่าคุ้มเกินคุ้มครับ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขสดชื่นตลอดไป ขอให้ สุขขี สุขขัง สุขคารัง สุขคารู เทิ้ด...สาธุ 555 แล้วเจอกันครับ

บอกเล่าเก้าสิบสถานที่ท่องเที่ยวปีใหม่กันหน่อยคร้าบ

บอกเล่าเก้าสิบสถานที่ท่องเที่ยวปีใหม่กันหน่อยคร้าบ




สวัสดีครับพี่น้องชาวMBE#8ทุกท่าน
สวัสดีปีใหม่อีกครั้งนะครับ ไม่ทราบว่าปีใหม่ที่ผ่านมาพี่น้องท่านใดไปเที่ยว หรือไป Count dawn ที่ไหนกันมาบ้างครับ ยังไงก็อย่าลืมแวะเข้ามาเล่าเรื่องราวสนุกๆของแต่ละคนกันที่นี่ด้วยนะครับ
ส่วนผมแน่นอนครับ ไปเที่ยวตามโปรแกรมทีวางไว้เลยครับ วังน้ำเขียว ครับท่าน หลังจากเลื่อนกำหนดวันเวลาเดินทางจากเดิมที่กะจะไปวันที่ 1 เปลี่ยนเป็นวันที่ 31 ธันวาคม สิ้นปีพอดี เนื่องจากสาเหตุอะไรก็ไม่รู้ 55 พอแพ็คกระเป๋าเสร็จก็รีบออกเดินทางทันที ประมาณ 09:00น. Go strage on เป้าหมายคือบ้านเพื่อนที่วังน้ำเขียว ในใจคิดว่าคนที่เดินทางส่วนใหญ่น่าจะเป็นขาลงที่เข้าสู่ต่างจังหวัดไปทางภาคอีสานมากกว่า จริงอย่างที่คิดครับคนเต็ม บขส.ครับพี่น้อง แต่เราไม่กลัวอยู่แล้วครับ ก็เราจะไปทางกรุงเทพฯนี่หว่า รถมันต้องว่างอยู่แล้ว จริงมั้ย 55 ที่ไหนได้ครับพี่น้องตลอดสองชั่วโมงเต็มที่เดินทางยืนตลอดเบียดกันสุดๆครับ เพราะว่าคนที่จะเดินทางไปทางกทม.มีน้อยทางบริษัทขนส่งจึงจัดให้เราขึ้นรถคันเดียวกันเลย จากที่ว่าน้อยๆ มันก็กลายเป็นแน่นเต็มคันรถ เอากะมันสิ แต่ไม่เป็นไรครับแค่สองชั่วโมง เล็กน้อย ๆ ในที่สุดเวลาประมาณ 11:20 น.ก็ถึง 7'11ที่ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง กะว่าจะต่อรถไปวังน้ำเขียวเลย ดันนึกถึงเพื่อนอีกคนขึ้นมาได้ จะไปคนเดียวก็กลัวไม่มัน เดี๋ยววงเหล้าคนจะน้อย อิอิ โทรชวนมันซะหน่อยดีกว่า ยังไงก็เผื่อจะได้มีเพื่อนคุยระหว่างเดินทางด้วย
พอเพื่อนมารับมันดันชวนไปกินเหล้าบ้านมันก่อนซะงั้นไอ้เราก็จะบ่นเพื่อนก็เกรงใจ (คนดีของสังคมอยู่แล้ว อิอิ)เลยเออออไปกับมันซะงั้น เวลาผ่านไปชั่วโมงแล้ว ชั่วโมงเล่า จากสาย กลายเป็นบ่าย จากบ่ายกลายเป็นเย็น จากเย็นกลายเป็นค่ำ สรุปพอค่ำมันชวนไปเที่ยวในไร่มันต่อ (เฮอะๆ ตูจะไปวังน้ำเขียวๆๆ)เสร็จมันจนได้ แต่ไม่ว่ากันอยู่แล้วไปไหนไปกันครับพี่น้อง เข้าไร่มันดีมากๆๆไหว้พ่อแม่ญาติพี่น้องมันเสร็จ แม่มันทำขนมจีนน้ำยาเลี้ยง อร่อยมากๆๆๆ (วังน้ำเขียวหายไปจากสมองทันทีครับพี่น้อง)นั่งในไร่มันไม่นานนักก็พากันบอกลาพ่อแม่พี่น้องเพื่อนออกจากไรเดินทางเข้าเมืองอีกครั้ง (เมืองปากช่องนะ อิอิ)
เนื่องจากวันนี้เพื่อนมันบอกว่า ที่บริเวณเขาแคน จะมี"งานคาวบอยปากช่อง" ซึ่งเค้าจะมีการ Count dawn ที่นี่ด้วย อารมณ์อยากไปกระโดดมาอีกแล้วครับ มันถามว่าจะไปมั้ยวะ? ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยครับ ไปอยู่แล้ว เขาแคนที่ว่าก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านมันเท่าไหร่นัก ใครที่ผ่านไปทางกรุงเทพฯคงสังเกตเห็นได้ไม่ยากเย็นนัก บรรยากาศภายในงานเป็นการปิดถนน มีลานเบียร์ยาวมากๆข้างหน้ามีเวทีสำหรับการแสดงคอนเสิร์ต ด้านหลังของงานบริเวณทางเข้าจะมีการออกบูตเปิดร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับคาวบอย มีเกมยิงธนูให้ทดลองยิงเป้าจริงๆ ผมไปยืนดูสาวๆยิงธนูมา น่ารักมากๆเลย อิอิ แล้วยังมีการแสดงโชว์ขี่ม้าให้ผู้ที่สนใจได้ดูอีกด้วย
ผมและเพื่อนแล้วก็พี่น้องมันไปด้วยกันประมาณ 6 คน หาที่นั่งแทบไม่มี คนเยอะมากๆ หันซ้ายแลขวาไปเจอรูปปั้นช้างพอที่จะมีที่นั่งอยู่บ้าง เอาวะนั่งมันตรงนี้แหละ ข้างๆเป็นร้านขายอาหารปิ้งย่างเดินไปซื้อมาเป็นกลับแกล้มซะหน่อย พอมองหน้าแม่ค้า อ้าวเฮ้ย! เพื่อนเรานี่หว่า มาได้ไงวะเนี่ย? สาวราชภัฏ น่ารักมากๆแต่งตัวเป็นคาวเกิร์ล มาขายลูกชิ้นปิ้งในงานคาวบอยปากช่อง น่ารักมากมาย ชอบๆๆ
พอใกล้เวลาเที่ยงคืนพิธีกรบนเวทีก็บอกให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนเตรียมตัว Count dawn พร้อมกัน ผมสังเกตได้ว่าบรรยากาศที่คึกคักภายในงานที่ตอนแรกคึกคักเสียงดังมากๆกลับเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด 10.9.8.7.6.5.4.3.2..1 เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงดังมากๆ พลุไฟถูกจุดบนเขาแคน เราอยู่ข้างล่าง มองไปข้างบนสวยมากจริงๆ ไม่ได้เวอร์นะครับ ใครมีประสบการณ์แบบนี้คงรู้ดีว่ามันน่าประทับใจแค่ไหน นั่งดื่มเบียร์สดๆกับเพื่อนๆ บรรยากาศยังกะงานบอลโลกนัดชิง มีพลุไฟจุดตอนเฉลิมฉลอง ใครจะไม่มีความสุขบ้างครับจริงมั้ย?
พองานเลิกเราทั้งหมดก็กลับบ้านไปกินต่อกัน แน่นอนครับเกือบสว่างครับพี่น้อง 55+ ปีเก่าผ่านไปปีใหม่ผ่านมา สุขหรรษาเฮฮาตลอดคืน จริงๆ
สรุปแล้ววันที่ 31 ธ.ค.51 ผมก็ยังไปไม่ถึงวังน้ำเขียวจนได้ 55+ ไว้แค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวคราวหน้าเราค่อยมาต่อกัน กิจกรรมที่ผมไปเที่ยวที่วังน้ำเขียวเลยจะมีอะไรบ้าง จะเหมือนกับที่ผมคิดไว้ก่อนเดินทางรึเปล่า หรือว่าตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกันแน่ 55+